
“API Integration คือการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง โปรแกรมโรงแรม หรือระบบต่าง ๆ ผ่าน API (Application Programming Interface) ทำให้ระบบสามารถ “พูดคุยกัน” และแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องให้พนักงานกรอกข้อมูลซ้ำหรือโอนข้อมูลด้วยมือ”
ตัวอย่างง่าย ๆ คือ เมื่อโรงแรมเชื่อม โปรแกรมโรงแรม PMS กับระบบคีย์การ์ด แขกเช็คอินใน PMS แล้ว ระบบคีย์การ์ดจะรับข้อมูลไปทำบัตรได้ทันทีโดยไม่ต้องพิมพ์ซ้ำ หรือเมื่อต้องการส่งข้อมูลยอดขายไปยังโปรแกรมบัญชี ระบบก็สามารถส่งตัวเลข รายรับ ภาษี หรือยอดค้างชำระไปให้อัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อนและความผิดพลาดจากการกรอกผิดได้มาก
ความสำคัญของ API Integration ในโรงแรมยุคใหม่คือช่วยให้ทุกระบบทำงานประสานกันเหมือนเป็นระบบเดียว ลดเวลาการทำงานของพนักงาน FO, แม่บ้าน, และฝ่ายบัญชี ทำให้ขั้นตอนเช็คอิน–เช็คเอาต์เร็วขึ้น และข้อมูลด้านรายได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับประสบการณ์ของแขก เพราะทุกข้อมูลถูกอัปเดตแบบ Real-Time เช่น การทำความสะอาดห้อง การเปิดบิล การออกคีย์การ์ด หรือยอดขายจาก POS ทั้งหมดจึงต่อเนื่องและตรวจสอบได้ง่าย API Integration จึงเป็นหัวใจสำคัญของโรงแรมสมัยใหม่ที่ต้องการความเร็ว ความแม่นยำ และการทำงานที่ไร้รอยต่อ ทั้งยังเป็นพื้นฐานของการทำ Smart Hotel ที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การเชื่อมต่อ ระบบคีย์การ์ดกับ โปรแกรมโรงแรม PMS ผ่าน API ช่วยเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนให้กับโรงแรมอย่างมาก เพราะข้อมูลการเช็คอินจาก PMS จะถูกส่งไปยังระบบคีย์การ์ดแบบอัตโนมัติทันที ทำให้พนักงานไม่ต้องกรอกข้อมูลแขกซ้ำ เช่น ชื่อ เลขห้อง หรือวันที่เข้าพัก–วันที่เช็คเอาต์ ส่งผลให้การทำบัตรห้องเป็นเรื่องรวดเร็วและแม่นยำ ลดโอกาสการออกบัตรผิดห้องหรือกำหนดวันหมดอายุผิดพลาด
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพราะคีย์การ์ดจะทำงานตามข้อมูลในระบบจริง เช่น แขกเปลี่ยนห้องหรือขยายวัน ระบบจะอัปเดตให้โดยตรงโดยไม่ต้องทำบัตรใหม่หลายครั้ง อีกทั้งยังช่วยให้พนักงาน FO ทำงานได้คล่องตัวขึ้น โดยสามารถเช็คอิน ระบุตัวตน และออกคีย์การ์ดได้ภายในไม่กี่วินาที ส่งผลให้แขกได้รับประสบการณ์เช็คอินที่รวดเร็วและเป็นมืออาชีพ ในภาพรวม API Integration ระหว่าง โปรแกรมโรงแรม PMS และคีย์การ์ดจึงช่วยลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความถูกต้อง เพิ่มความปลอดภัย และทำให้กระบวนการเช็คอินลื่นไหล
โดยปกติหากไม่มีการเชื่อมต่อ พนักงานบัญชีต้องดึงข้อมูลรายได้จาก PMS เช่น ค่าห้อง ค่าบริการเสริม ค่าปรับ ยอดชำระ หรือยอดค้างชำระ แล้วนำไปกรอกในระบบบัญชีด้วยมือ ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและเสี่ยงต่อความผิดพลาดจาก Human Error ช่องใส่ตัวเลขผิด วันผิด หรือใส่รายการซ้ำ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในโรงแรม
เมื่อ PMS เชื่อมกับระบบบัญชีผ่าน API ระบบจะส่งข้อมูลรายได้แบบอัตโนมัติจากแต่ละรายการ เช่น Invoice, Credit Note, Payment ไปยังระบบบัญชีทันที ข้อมูลทุกอย่างจะตรงกันทั้งสองระบบโดยไม่ต้องแก้ไขหรือกรอกซ้ำ ช่วยให้ปิดยอดรายวัน (Daily Closing) ง่ายขึ้น รายงานรายได้ชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมทางการเงินแบบ Real-Time ลดเวลาที่เคยใช้ไปกับการรวบรวมตัวเลขและตรวจสอบข้อมูลผิดพลาด อีกทั้งยังช่วยลดภาระงานพนักงานบัญชี ทำให้มีเวลามากขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนเทียบเดือน เทียบปี หรือสร้างรายงานเชิงลึก

ระบุระบบที่ต้องเชื่อม (ตัวอย่าง: Channel Manager, Keycard, Accounting, POS, Booking Engine) และ workflow ที่ต้องการให้เป็นอัตโนมัติ (เช่น เช็คอิน → ออกคีย์การ์ด, ออก Invoice → ส่งไป Accounting)
ยืนยันว่า PMS รองรับทุก use-case สำคัญ เช่น การเปลี่ยนห้องกลางคัน, การยืด/ย่อวันพัก, Credit Note, Refund, Group Booking
ขอเอกสาร API แบบสมบูรณ์ (OpenAPI/Swagger จะดีมาก) ที่ระบุ endpoint, request/response schema, status codes, error messages และตัวอย่าง payload
ตรวจสอบว่า API ครอบคลุมฟังก์ชันสำคัญ: reservation create/update/cancel, inventory update, rate update, payment, guest data, folio/invoice, housekeeping status, room status, keycard issuance hooks
ดูว่า API เป็น REST, GraphQL หรือมี WebSocket / gRPC ให้เลือก — แต่สำคัญที่สุดคือ การมี Webhook (push events) สำหรับ real-time notifications
ตรวจสอบวิธียืนยันตัวตน: API Key, OAuth2 (client credentials), JWT — ควรรองรับ token rotation และ scoped permissions
ต้องใช้ HTTPS/TLS เสมอ และระบุการเข้ารหัสข้อมูล (at-rest / in-transit)
สอบถามว่ามีระบบ Rate Limiting, IP whitelisting และ WAF/IDS/IPS หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจุดที่ใช้ในการตรวจสอบ
RoomYY โดดเด่นด้าน “การเชื่อมต่อหลายระบบผ่าน API” เพราะถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลของโรงแรมยุคใหม่ โดยเน้นทั้ง ความยืดหยุ่น ความเสถียร และความปลอดภัย เป็นหลัก ระบบรองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องมือสำคัญ เช่น Channel Manager, Keycard, POS, ระบบบัญชี, Booking Engine ผ่านโครงสร้าง API ที่ออกแบบตามมาตรฐานสากล ทำให้ข้อมูลทุกส่วนสามารถอัปเดตแบบเรียลไทม์ ลดงานซ้ำซ้อน และป้องกันข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ
ด้านความปลอดภัย โปรแกรมโรงแรม RoomYY ใช้การยืนยันตัวตนด้วย API Key ที่กำหนดสิทธิ์ได้เฉพาะระบบที่จำเป็น พร้อมเข้ารหัสข้อมูลผ่าน HTTPS/TLS เพื่อป้องกันการดักข้อมูลระหว่างทาง นอกจากนี้ยังมีการจัดการ log, การควบคุมสิทธิ์เข้าถึง (Permission Control), การป้องกันข้อมูลซ้ำ (Idempotency) และระบบรองรับการทำงานแบบ Webhook เพื่อให้การซิงค์ข้อมูลเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด
ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ RoomYY จึงเหมาะสำหรับโรงแรมที่ต้องการระบบ PMS ที่พร้อม “ต่อยอด” และ “เชื่อมต่อได้จริง” กับทุกโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ในโรงแรม ช่วยให้การทำงานเป็นอัตโนมัติและลดความผิดพลาดได้อย่างชัดเจน
การเชื่อมต่อ API มีประโยชน์อย่างมากสำหรับโรงแรม เพราะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ลดงานซ้ำซ้อน และเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล โดยสรุปประโยชน์หลักคือ
ระบบต่าง ๆ เช่น PMS, Channel Manager, Keycard, POS และบัญชี สามารถส่งข้อมูลถึงกันทันที ไม่ต้องกรอกข้อมูลมือซ้ำหลายรอบ
ข้อมูลถูกซิงค์ตรงกันทุกระบบ เช่น การจอง การชำระเงิน หรือการเช็คอิน ลดปัญหา Overbook หรือการออกคีย์การ์ดผิดห้อง
เมื่อมีการจอง ยกเลิก หรือปรับราคา ข้อมูลจะอัปเดตทันทีทั่วทั้งระบบ ช่วยให้การจัดการห้องพักแม่นยำ
เชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่น ๆ ได้ เช่น
ระบบบัญชี
ระบบคีย์การ์ด
ระบบการตลาด
ระบบบริหารร้านอาหาร
ช่วยให้โรงแรมเลือกเครื่องมือที่ต้องการได้อย่างอิสระ
ทุกธุรกรรมถูกบันทึกและส่งต่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย ลดคอขวดของงาน
API กำหนดได้ว่าระบบไหนเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง ลดความเสี่ยงด้านข้อมูลรั่วไหล
“การเชื่อมต่อ API คือหัวใจของโรงแรมยุคใหม่ ช่วยให้ระบบทุกส่วนทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ลดเวลา ทำงานเร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และรองรับการเติบโตในอนาคตของโรงแรมได้เป็นอย่างดี”
บทนำ ใบ รร.3 คืออะไรสามารถออกจาก โปรแกรมโรงแรม RoomYY […]
บทนำ RoomYY โปรแกรมโรงแรม ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพ โปรแกรมโ […]
ความสำคัญของการเชื่อมต่อระบบ โปรแกรมโรงแรม PMS กับ Open […]